ค่ารับรอง
หาก "ค่ารับรอง" เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง ฉบับที่ 143 ค่ารับรองนั้นไม่้ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (4) แห่งประมวลรัษฎากร
หลักเกณฑ์ของค่ารับรอง
1. เป็นค่ารับรองอันจำเป็นตามธรรมเนียมประเพณีธุรกิจทั่วไป
2. บุคคลซึ่งได้รับการรับรองต้องมิใช่ลูกจ้าง พนักงาน กรรมการ หรือผู้จัดการของกิจการ เว้นแต่มีหน้าที่เข้าร่วมในการรับรองนั้นด้วย
3. ต้องเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับค่ารับรองที่จะเป็นการอำนวยประโยชน์ให้แก่กิจการที่อาจจะมีผลตอบแทนเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นประโยชน์่ต่อกิจการจริง
4. ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรับรอง แบ่งออกเป็น
4.1 ค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องโดยตรง
4.2 ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ
ก. ค่าที่พัก
ข. ค่าพาหนะ
ค. ค่าอาหารและเครื่องดื่ม
ง. ค่าดูมหรสพ
จ. ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกีฬา
4.3 ค่าสิ่งของ
5. มูลค่าของค่ารับรอง
ค่ารับรองตามข้อ 4.1 และ 4.2 กฎหมายไม่ได้กำหนดจำนวนเงินว่า การรับรองในแต่ละครั้งต้องไม่เกินจำนวนเงินเท่าใด หน้าที่ของผู้ประกอบการจะต้องพิสูจน์ให้เจ้าพนักงานประเมินเชื่อได้ว่า มีการรับรองจริง และจำนวนเงินที่จ่ายพอสมควรแก่การรับรองดังกล่าว
ค่ารับรองตามข้อง 4.3 "สิ่งของ" กฎหมายจำกัดจำนวนเงินไม่เกินคนละ 2,000 บาทต่อครั้ง หากค่ารับรองไม่ถึง 2,000 บาท จะถือเป็นค่าใช้จ่ายเท่าที่จ่ายจริง และหากจ่ายเกิน 2,000 บาท จะถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร
6. ค่ารับรองรวมกันต้องไม่เกิน 0.3%
ค่ารับรองตลอดรอบระยะเวลาบัญชีรวมกันต้องไม่เกิน 0.3% ของ (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า)
ก. ยอดรายได้ (รายได้จากการขายหรือบริการ + รายได้อื่น)
ข. ยอดขาย
ค. เงินทุนที่ชำระแล้ว ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี
ข้อสังเกต : "รายได้อื่น" เป็นรายได้ที่เกิดเนื่องจากการประกอบธุรกิจอันเป็นผลพลอยไ้ด้จากการประกอบกิจการ เช่น ดอกเบี้ยรับ เงินปันผล กำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สิน
สิ่งที่ต้องระมัดระวัง หากกิจการคำนวณค่ารับรองจากยอดรายได้ รายได้ที่จะนำมาคำนวณค่ารับรองได้นั้นจะต้องหักรายได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีออกไปก่อน เช่น เงินปันผล
7. รายจ่ายที่นำมาหักได้สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท
ค่ารับรองที่กิจการได้จ่ายไปในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีรวมกันต้องไม่เกิน 0.3% ของยอดรายได้ หรือยอดขาย หรือเงินทุนที่ชำระแล้ว ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า ทั้งนี้จำนวนเงินสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท
ภาษีซื้อของค่ารับรอง
ถือเป็นภาษีซื้อต้องห้ามนำไปหักออกจากภาษีขาย หรือขอคืนภาษีซื้อ แต่ผู้ประกอบการมีสิทธินำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (ุ6 ทวิ) แห่งประมวลรัษฎากร
ตัวอย่างเช่น บริษัท กขค จำกัด จ่ายค่าเลี้ยงรับรองลูกค้าเป็นเงิน 6,000 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 420 บาท
การบันทึกบัญชีจะเป็นดังนี้
เดบิต ค่ารับรอง 6,420
เครดิต เงินสด 6,420